วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

15 เคล็ดลับดูแลสุขภาพ พร้อมรับลมหนาว




15 เคล็ดลับดูแลสุขภาพพร้อมรับ ลมหนาว

ฤดูหนาวที่กำลังมาเยือนอาจทำให้หลายคนเจ็บไข้ได้ป่วย หรือผิวแห้งแตกลอกได้ง่าย ๆ วันนี้มีเคล็ดลับดูแลสุขภาพ ให้คุณพร้อมสู้กับลมหนาวในปีนี้มาฝาก

1.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้เพียงพอและครบหมู่ ดื่มน้ำมาก ๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และไม่ตรากตรำทำงานหนักจนเกินไป

การรักษาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง จะช่วยให้คุณพร้อมสู้กับโรคภัยไข้เจ็บที่พบได้บ่อยในฤดูหนาว เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ รวมถึงไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ด้วย

2.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา และยาเสพติดต่าง ๆ เนื่องจากจะทำให้สุขภาพร่างกายเสื่อมโทรม เท่ากับเพิ่มโอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

3.อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงสถานที่ชุมชนที่แออัดยัดเยียด โดยเฉพาะหากมีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่

4.ล้างมือบ่อย ๆ เพราะอาจไปสัมผัสเชื้อโรคที่ติดอยู่ตามสิ่งของต่าง ๆ เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได ปุ่มลิฟต์ โทรศัพท์สาธารณะ เป็นต้น

5.หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย และไม่ควรใช้ของร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ จานชาม ช้อนส้อม

6.หากป่วยแล้วมีอาการไอหรือจาม ควรมีผ้าปิดปากและจมูก หรือสวมหน้ากากอนามัย

7.ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด อาการจะกำเริบได้ง่ายในฤดูนี้ นอกจากอากาศเย็นที่เป็นสาเหตุโดยตรงแล้ว ก็อาจเนื่องมาจากฤดูหนาวจะมีฝุ่นมาก หรืออากาศหนาวทำให้เราต้องนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาอยู่ร่วมกันในบ้าน หากแพ้ขนสัตว์ก็จะทำให้อาการกำเริบมากขึ้น หรือการนอนนาน ๆ ในฤดูหนาวซึ่งมืดเร็วและสว่างช้า ก็เพิ่มโอกาสที่จะทำให้แพ้ตัวไรฝุ่นตามที่นอน หมอน ผ้าห่มได้มากขึ้น ดังนั้นควรระมัดระวังสิ่งกระตุ้นเหล่านี้ และรักษาร่างกายให้แข็งแรงเข้าไว้

8. พยายามรักษาร่างกายให้อบอุ่นในช่วงฤดูหนาว หรือช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง ใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่นเหมาะกับฤดูกาล หากอยู่ในที่ที่หนาวมากควรสวมหมวก เพื่อลดการถ่ายเทความร้อนออกจากร่างกาย

9.การอาบน้ำหลังจากตื่นนอน อาจไม่จำเป็นต้องฟอกสบู่ หรือฟอกเพียงบางจุด หรือหากอยู่ในที่ที่อากาศหนาวมาก ๆ อาจไม่จำเป็นต้องอาบน้ำวันละสองครั้งตามปกติ และไม่ควรอาบน้ำนาน ๆ

10.ไม่ควรอาบน้ำอุ่นจัดจนเกินไป โดยเฉพาะการล้างหน้า เพราะน้ำอุ่นจะทำให้ความชุ่มชื้นของผิวหายไป นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีฟองมาก ๆ เพราะจะดึงความชุ่มชื้นไปจากผิว และไม่ควรเช็ดถูผิวแรง ๆ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวลอกมากขึ้น

11.ทาโลชั่นบำรุงผิวหลังอาบน้ำ ขณะที่ตัวยังหมาด ๆ จะช่วยป้องกันผิวแห้ง แตก ลอก ในฤดูหนาวได้ และควรทาให้ทั่วร่างกาย ไม่ใช่เฉพาะแขนกับขาเท่านั้น รวมทั้งส่วนที่เรามักไม่ใส่ใจ เช่น เท้า การทาโลชั่นและสวมถุงเท้านอน จะช่วยให้เท้าเนียนนุ่มชุ่มชื้น ลดปัญหาส้นเท้าแตกได้อีกด้วย

ส่วนมือที่แห้งและแตก ก็ควรหมั่นทาครีม หรือโลชั่นเช่นกัน นอกจากจะช่วยให้ความชุ่มชื้นแล้วยังช่วยให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นด้วย สำหรับใครที่มือแห้งมาก ๆ ลองนวดด้วยน้ำมันมะกอกทิ้งไว้สักพัก ล้างออกด้วยน้ำสบู่ แล้วนวดด้วยครีมทามืออีกครั้ง ไม่ช้าริ้วรอยแห้งแตกก็จะหายไป

ส่วนผู้ที่ต้องใช้มือทำงานสัมผัสน้ำอยู่ตลอดเวลา เช่น ล้างจาน ซักผ้า ช่วงหน้าหนาวจะยิ่งรู้สึกแสบมือมาก อาจมีอาการบวมแดงและแตกได้ ควรป้องกันด้วยการสวมถุงมือยางกันน้ำ

12.ริมฝีปากที่แห้งแตกก็ควรได้รับการบำรุงและปกป้องเช่นกัน สมัยนี้มีลิปมัน ลิปบาล์ม ให้เลือกใช้มากมาย รวมทั้งชนิด For Men ของคุณผู้ชายด้วย สำหรับผู้ชายที่รู้สึกเขินเวลาใช้ลิปแท่ง อาจเลือกซื้อชนิดตลับไว้พกติดตัวก็ได้ ที่สำคัญ ไม่ควรเลียริมฝีปากบ่อย ๆ เพราะจะยิ่งทำให้ปากแห้งแตกมากขึ้น

13.ในช่วงหน้าหนาวไม่จำเป็นต้องสระผมบ่อย ๆ เช่นกัน และใช้แชมพูในปริมาณน้อย ๆ ก็เพียงพอแล้ว เพราะจะทำให้เส้นผมแห้งแตกปลายได้ง่าย และยังทำให้หนังศีรษะแห้งเกินไปจนเกิดรังแคได้อีกด้วย สำหรับผมที่แห้งมาก การเลือกใช้แชมพูและครีมนวดผมที่เหมาะสำหรับผมแห้งจะช่วยได้ หลังการสระผมอาจใช้น้ำมันบำรุงเส้นผมทาเคลือบที่ปลายผมบาง ๆ เพื่อลดไฟฟ้าสถิต ช่วยให้ผมไม่ฟู

14.บำรุงร่างกายภายนอกกันแล้ว ก็อย่าลืมบำรุงร่างกายให้ชุ่มชื้นจากภายในด้วย โดยการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน โดยเฉพาะน้ำอุ่นซึ่งจะช่วยให้ร่างกายของคุณอุ่นขึ้น นอกจากนี้ควรรับประทานผักผลไม้สดให้มากด้วย เพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้นจากภายใน

15.การเลือกซื้อเสื้อกันหนาวก็สำคัญ บางคนเลือกซื้อเสื้อกันหนาวมือสอง เนื่องจากมีราคาถูก แต่ก็อาจนำเชื้อโรคต่าง ๆ ติดมาด้วย ควรเลือกให้ดี อย่าให้มีรอยด่างดำและรอยคราบสารคัดหลั่งต่าง ๆ หรือกลิ่นอับชื้นติดอยู่ เพราะอาจทำให้ติดเชื้อโรคได้ เช่น โรคผิวหนัง โรคติดเชื้อ เชื้อรา หรือโรคทางเดินหายใจต่าง ๆ ก่อนนำไปสวมใส่ควรต้มในน้ำเดือด และซักให้สะอาด แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้งสนิท

แม้แต่เสื้อกันหนาวใหม่ ๆ ก็ควรนำไปซักแล้วตากแดดก่อนนำไปสวมใส่เช่นกัน เพราะในเนื้อผ้าอาจมีสารเคมีที่ทำให้เกิดโรคผิวหนัง หรือโรคทางเดินหายใจต่าง ๆ ได้เช่นกัน

15 เคล็ดลับดูแลสุขภาพในช่วงฤดูหนาวทั้งหมดที่กล่าวมา คงจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง พร้อมรับลมหนาวที่กำลังมาเยือน

6 เรื่องดี ๆ จากสตรอวเบอร์รี่!





6 เรื่องดี ๆ จากสตรอวเบอร์รี่! (Lisa)


ใครวางแผนไปเที่ยวเชียงใหม่ยกมือขึ้น! อย่าลืมซื้อสตรอวเบอร์รี่มาฝากกันบ้างนะจ๊ะ เพราะเขาบอกว่าเจ้าผลไม้น่าเอ็นดูชนิดนี้มีประโยชน์มากมายเลยล่ะ

1.ดูแลสายตา

ปัญหาเกี่ยวกับดวงตาส่วนใหญ่จะเกิดจากอนุมูลอิสระ และการขาดสารอาหารบางชนิด และเมื่อเราอายุมากขึ้น ดวงตาของเรายิ่งถูกทำร้ายได้ง่าย ซ้ำร้ายความแก่ชราจะทำให้กล้ามเนื้อดวงตาเสื่อมสภาพ แต่สตรอวเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างวิตามินซี ฟลาโวนอยด์ กรดฟีโนลิก และกรดเอลลาจิก ซึ่งช่วยชะลอกระบวนการดังกล่าว แถมยังมีโพแทสเซียมซึ่งช่วยปรับความดันในตาให้เป็นปกติอีกด้ว


2.ป้องกันโรคข้ออักเสบและโรคเกาต์

เมื่อกล้ามเนื้อถูกใช้งานนาน ๆ เข้า กล้ามเนื้อของเราก็มีแต่จะถดถอยของเหลว บริเวณข้อต่อกระดูก็จะเหือดแห้งลงไปเรื่อย ๆ และร่างกายก็สะสมสารพิษอย่างกรดยูริกเอาไว้มากขึ้น ๆ ทำให้โรคข้ออักเสบและโรคเกาต์ถามหา แต่อย่าห่วงไป เพราะเราสามารถขับไล่โรคทั้งสองได้ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และสรรพคุณล้างพิษของสตรอวเบอร์รี่ค่ะ

3.กำราบโรคมะเร็ง

กินสตรอวเบอร์รี่ทุกวันสิคะเซลล์มะเร็ง และเนื้องอกต้องชิดซ้ายหลีกทางให้แก่สารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี โฟเลต และแอนโธไชยานินส์ ที่มีอยู่มากมายในสตรอวเบอร์รี่ค่ะ

4.ส่งเสริมการทำงานของสมอง

ยิ่งแก่ยิ่งขี้หลงขี้ลืม เพราะเนื้อเยื่อและเส้นประสาทในสมองเสื่อมสภาพจากอนุมูลอิสระตัวร้าย ซึ่งสตรอวเบอร์รี่ช่วยได้ เพราะมีวิตามินซี และไฟโตนิวเทรียนต์ ที่ทำให้อนุมูลอิสระหมดฤทธิ์ และคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ระบบประสาท แถมยังมีไอโอดีนที่ทำให้สมองและระบบประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

5.ลดความดันโลหิต

หากโซเดียมเป็นตัวการทำให้เกิดความดันโลหิตสูง สตรอวเบอร์รี่ก็มีโพแทสเซียมและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับความดันให้เป็นปกติค่ะ

6.ปราบโรคหัวใจ

ใยอาหาร โฟเลต และสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย แถมวิตามินบีบางชนิดที่พบได้ในสตรอวเบอร์รี่ จะเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรงอีกด้วย

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อาหารต้องห้ามขณะท้องว่าง





อาหารต้องห้ามอย่างที่ 1 คือ

นมและนมถั่วเหลือง เพราะนมที่อุดมไปด้วยโปรตีนจะเกิดประสิทธิภาพมาก เมื่อกระเพาะอาหารมีสารอาหารประเภทแป้งอยู่ด้วย


อาหารต้องห้ามอย่างที่ 2 คือ กล้วย

เพราะกล้วยอุดมไปด้วยธาตุแมกนีเซียม การรับประทานกล้วยขณะท้องว่าง จะทำให้ปริมาณแมกนีเซียมในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ทำให้สูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมไป เป็นการยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ


อาหารต้องห้ามอย่างที่ 3 คือ ของหวานรวมถึงน้ำอัดลมและช็อกโกแลต

เพราะหากรับประทานขณะท้องว่าง จะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาลส่งผลต่อการดูดซึมโปรตีนทุกชนิด และลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนโลหิตและไต

อาหารต้องห้ามอย่างที่ 4 คือ ชา

เพราะน้ำชาแก่ทำให้กรดเกลือในน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง ส่งผลให้การทำงานของระบบย่อยอาหารลดลง และเกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะ มือเท้าไม่มีแรง


อาหารต้องห้ามอย่างที่ 5 คือ

กระเทียม เพราะกระเทียมมีฤทธิ์ทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารได้รับการกระตุ้น เกิดเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบรุนแรงได้


ทางที่ดีอย่าปล่อยให้ท้องว่างเป็นดีที่สุด!

10 อันดับของเล่นที่แพงที่สุดในโลกกกกก

10 อันดับของเล่นที่แพงที่สุดในโลกกกกก












10 Barbie
Barbie ตัวนี้พิเศษมากๆเพราะมันถูกออกแบบร่วมกับบริษัท De Beers ซึ่งเป็นบริษัทขายเพชรอันดับ 1 ของโลก! ชุดของ Barbie ตัวนี้ประกอบไปด้วยเพชรน้ำหนึ่ง 160 เม็ดและ เครื่องประดับที่ทำจากทองคำขาวบริสุทธิ์ ซึ่งเหล่านี้ทำให้มันเป็น Barbie ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก โดยที่มันถูกผลิตขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีเมื่อปี 1999 ด้วยราคาค่าตัวที่ 50,000 ปอนด์ หรือ USD 85,000 หรือ 2,975,000 บาท คิดว่าแพงมั้ย? ลองคิดดูนะครับ Barbie version แรกของโลกที่ถูกวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1959 โดยที่ยังมีสภาพที่สมบูรณ์พร้อมกล่อง ราคาซื้อขายตอนนี้คือ USD 8,000 หรือ 280,000 บาทเท่านั้น




9 MatchBox car
หลายท่านคงพอจะทราบดีกว่ารถเหล็กโบราณตอนนี้เป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่คนเล่นรถเหล็กของไทย หากอยากได้ข้อมูลเพิ่มแนะนำ www.smalldiecastcar.com ครับ คันที่เด็ดที่สุดเห็นจะเป็นคันนี้ครับ 1966 Opel Diplomat ราคาซื้อขายกันตอนนี้คือ USD 9,000 หรือ 315,000 บาท โดยที่คันสมบูรณ์พร้อมกล่องราคาก็จะสูงกว่านี้ไปอีกมาก น่าเสียดายที่ไม่ซื้อตั้งแต่มันออกขายตอนแรกเพราะราคาตอนนั้นแค่ 48 cents เอง







8 Toy Gun
ไม่ต้องตกใจเพราะนี่คือปืน BB gun หรือ airsoft gun ที่เราๆท่านๆที่เป็นชายเหนือชายจะรู้จักกันดี แฟนๆ BB gun น่าจะชอบและคุณถือว่าโชคดีมากๆหากมีกระบอกนี้เจ้า M134 อยู่ในครอบครองเพราะมันเป็นปืน BB gunที่มีอาณุภาพรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างมาและวัสดุนั้นเหล็กล้วนนะ ครับ มันสามารถยิงกระจกนิรภัยที่หนา 1 นิ้วให้กระจุยได้อย่างง่ายๆ สามารถบรรจุกระสุนได้ 3,000 นัดและยิงหมดภายในไม่ถึงนาที ขอบอกเลยว่าตอนนี้ตลาดปืนเป็นที่ต้องการมากเพราะถูกผลิตไม่มากนักโดยที่มือ สองสภาพพอใช้ อุปกรณ์พร้อม ถูกซื้อขายกันที่ USD 9,000 หรือ 315,000 บาทเลยทีเดียว





7 Toy Sewing Machine
ของเล่นสังกะสีชิ้นนี้มีชื่อว่า “สอยผ้าถี่ยิบๆ” ซึ่งถูกประมูลที่ ISMACS ในลอนดอน โดยที่ราคาประมูลไปไกลถึง 6,000 ปอนด์หรือ 360,000 บาท ในเวลาที่รวดเร็วและสุดท้ายเหลือแค่ผู้ประมูล 2 คนที่แข่งกันประมูลอย่างเอาเป็นเอาตายคือหนุ่มเจ้าของโรงงานปักเย็บแห่ง เมืองผู้ดีและมหาเศรษฐีจากเยอรมัน สุดท้ายเสี่ยชาวอังกฤษทุบกระปุกประมูลไปที่ 13,600 ปอนด์หรือ 816,000 บาท





6 Tedy Bear
ตุ๊กตาหมีเป็นของเล่นที่เด็กผู้หญิงและผู้ชายบางคนชื่นชอบมากที่สุดในโลก เชื่อว่าบ้านในโลกนี้ทุกหลังจะมีตุ๊กตาหมีอย่างน้อยๆเลย 1 ตัว เพื่อที่จะฉลองความสำเร็จ 125 ปีของเจ้า Teddy bear บริษัทเยอรมันผู้ผลิตตุ๊กตานี้ได้ทำ limited edition โดยทำตุ๊กตาพิเศษที่ปากคำจากทองคำบริสุทธิ์และลูกตาที่ทำจากพลอยและเพชร ราคาหน้าร้านของมันคือ 43,000 ปอนด์หรือ 2,580,000 บาท และในอเมริกาซื้อขายกันที่ USD 193,000 หรือ 6,755,000 บาท ซึ่งมันกลายเป็นหมีที่แพงที่สุดในโลก!





5 Toy Soldier
ชุดผ้าทหารเคยฮิตมากในไทยพักนึงแต่กระแสก็ตกลงอย่างรวดเร็วด้วยราคาค่าตัวที่ค่อนข้างสูง แต่ราคาคงสูงไม่เท่าตัวนี้ ทหารตัวนี้ออกแบบโดย Don Levine และเป็นต้นแบบให้กับการ์ตูนเรื่อง G.I. Joes ในปี 1963 ที่ดังมากๆในอเมริกา Don ขายตุ๊กตาต้นแบบตัวนี้ให้กับนักธุรกิจชื่อ Stephen A. Geppi ในสิงหาคม 7, 2003 ในงานประมูลแห่งหนึ่งในรัฐเท็กซัส ด้วยราคา USD 200,000 หรือ 7,000,000 บาท


4 Ride-on Toy
หากคุณมีลูกหรือมีหลานอายุระหว่าง 7-15 ปีและอยากให้เป็นที่อิจฉาของเด็กทั้งซอยหรือทั้งหมู่บ้าน แต่ไม่ใช่รถพลาสติกที่ขายตามคลองถมที่ราคาคันนึงพันกว่าบาทนะ เพราะ off-road คันนี้เปรียบเสมือนเอารถจริงๆมาย่อส่วนลงให้เด็กขับเพราะมันใช้วัสดุจริงๆ จากรถจริงๆ เครื่องและช่วงล่างเหมือนรถจริงๆแค่ขนาดเล็กลง ห้องโดยสารมีแอร์ วิทยุ ฯลฯ เหมือนรถจริงๆ … ราคาหรอ อุอุ USD 40,000 หรือ 1,400,000 บาท รู้สึกว่าลูกชายของ David Beckhams จะมีคันนึงนะ




3 PEZ Dispenser
หลายคนคงรู้จัก PEZ ที่เป็นที่ใส่ขนม กระแสมันนั้นไปๆมาๆแบบเนิบๆ เราเห็นกันทุกครั้งที่ไปซื้อของตามซุปเปอร์ แต่หัวนี้ไม่เหมือนทั่วไปเพราะมันถูกผลิตขึ้นมา 2 หัวเท่านั้น! มันถูกทำขึ้นใช้เป็นต้นแบบวำหรับงาน 1982 World’s Fair Astronaut แต่แล้วมันก็ไม่ได้ถูกผลิตเพื่อจำหน่ายแต่อย่างใด ตัวต้นแบบถูกส่งต่อๆกันไประหว่างพนักงานของ PEZ และสุดท้ายมาตกที่บริษัทประมูล ซึ่งล่าสุดมันถูกประมูลไปในราคา USD32,205 หรือ 1,127,175 บาท









2 Hand held video game
ยังไงก็ยังไม่ตาย GameBoy กลับมาในเสื้อผ้าชุดใหม่โดยที่ตัว body ทำจากทองคำ 18K และจอล้อมรอบไปด้วยเพชร เครื่องนี้ถูกตบแต่งในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในราคา USD 25,000 หรือ 875,000 บาท ไม่ต้องห่วงนะเพราะหากคุณตกลงซื้อเค้าจะแถมสายไฟ และเกมส์ให้ 2-3 เกมส์ อิอิอิ





1 Star Wars Movie Prop
Start Wars หนังสุดฮิตของโลก ไม่ว่าอะไรออกมาในชื่อนี้สามารถขายได้และขายดี แต่นี้น่าจะเป็นสุดปราถนาสำหรับแฟนหนัง Start Wars เพราะมันเป็นหมวก Dart Vader ที่ใช้ในการถ่ายทำจริงๆ มันถูกออกแบบมาสำหรับ Bob Anderson นักกีฬาฟันดาบ Olympics ที่ได้รับบทเป็น Dart Vader โดยเฉพาะ ราคาของมันคือ USD 115,000 หรือ 4,025,000 บาท

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

“น้ำท่วมรถ“ น่าคิด..สรุปเคลมประกันภัยได้ไหม ?

กลายเป็นเรื่องระดับชาติที่ได้รับการจับตาจากหลายฝ่ายเกี่ยวกับภัยน้ำท่วมที่ทำให้คนจำนวนมากนั้นต้องสูญเสียทรัพย์สินที่อยู่อาศัย และหนึ่งในหลายๆอย่างที่หายวับไปกับตาเมี่อน้ำท่วมนั้น ก็ไม่พ้นรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจำนวนมากจากภัยพิบัติครั้งนี้

เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดทำให้หลายคนวิตกจริต ถึงการฟื้นฟูหลังน้ำท่วมลดลงสภาวะสู่ปกติ แต่ที่ยิ่งไปกว่าเรื่องการฟื้นฟูคงไม่พ้นทุนรอน และกับเรื่องราวยานยนต์หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงประกันภัยที่จ่ายเบี้ยปีหนึ่งก็ไม่ใช่ถูกๆ

"รถโดนน้ำท่วม จะเคลมได้ไหม" เป็นความคิดที่หลายคน ใช้ช่วงเวลาที่นั่งดุน้ำเจิ่งนองเต็มหน้าบ้าน อย่างกับ Water World พิจารณาเพื่อหาทางออกให้กับชีวิต และวันนี้เราก็มีคำตอบมาให้เพื่อนๆได้ชื่นใจ เพราะการประกันภัยรถยนต์นั้นคลอบคลุมในเรื่องของภัยต่างๆที่เกิดกับรวมถึงเรื่องราวน้ำท่วมด้วย

หลายคนอาจจะไม่ทราบ แต่เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันนั้น การคลอบคลุมในกรณีภัยพิบัตินั้นจะเข้าข่ายการคุ้มครองก็ต่อเมื่อรถยนต์ของคุณได้มีการทำประกันภัยชั้น 1 หรือ ประเภท 1 ส่วนประกันประเภท 2, 3, 4, 5 ไม่ได้รับความคุ้มครองเรื่องความเสียหายจากน้ำท่วมรถ ดังนั้นหากทำประกันชั้น 1 ไว้ก็อุ่นใจได้ว่า คุ้มครองความเสียหายจากน้ำท่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้น 1 ปกติที่ขายโดยทั่วไป หรือจะเป็นประกันชั้น 1 แบบประหยัดที่มีค่ารับผิดส่วนแรก ที่สมัยนี้กำลังเป็นที่นิยมกัน


หลักเกณฑ์การพิจารณาค่าสินไหมทดแทนจากน้ำท่วมนั้น ก็จะมีการแบ่งออกเป็น 2 กรณี สำคัญ โดยพิจารณาจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง คือ

1.การสูญเสียโดยสิ้นเชิง หรือ total loss การสูญเสียเชิงนั้นเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยที่ได้รับการพิจารณาจากบริษัทว่า รถยนต์คันดังกล่าวไม่คุ้มที่จะซ่อมแซมให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้ ซึ่ง กรณีดังกล่าวนั้นยังรวมถึงเครื่องยนต์ ที่ต้องได้รับการซ่อมแซมให้สามารถใช้ได้ดังเดิม ก่อนเกิดภัยพิบัติด้วย โดยมากบริษัทประกัน จะประเมินมูลค่าความเสียหายที่ 70 % ของมุลค่ารถคันนั้น ซึ่งหากพิจารณาจากความเสียหาย ในกรณีนี้คือ ท่วมมิดคัน หรือ ท่วมเกินช่วยคอนโซลหน้า ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับทั้งห้องโดยสาร

2.ความเสียหายบางส่วน หรือ partial loss บางครั้งน้ำท่วมนั้นสามารถสร้างความเสียหายได้มาก แต่ทั้งนี้ก้ขึ้นอยู่กับการประเมินของบริษัทประกันด้วยว่า มันเสียหายมากน้อยเพียงใด และถ้ารถคันนั้นไม่เสียหายมากนัก สามารถซ่อมกลับมาใช้ได้ ประกันภัยก็จะตีเป็นลักษณะความเสียหายบางส่วน

ลักษณะความเสียหายบางส่วนนั้น ถือเป็นความรับผิดชอบของประกันในการซ่อมแซมรถที่ประสบภัยให้กลับมาใช้งานได้ปกติ โดยที่ประกันภัยนั้นจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด การคืนสภาพรถคันดังกล่าว ซึ่งรวมตั้งแต่เรื่องเครื่องยนต์กลไก ไปจนถึงการทำความสะอาดต่างๆ ไม่ว่า จะ ค่าใช้จ่ายเรื่องการซักพรม ทำความสะอาดภายใน ก็สามารถเคลมได้ทั้งสิ้น

ขั้นตอนการเคลมประกัน

ในขั้นตอนการเคลมประกันภัยนั้น ถ้าเป็นไปได้ระหว่างน้ำท่วมให้ถ่ายรูปบางส่วนเอาไว้ก่อน และหลังจากน้ำลดแล้ว ให้เราโทรเรียกประกันมาดูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถ โดยเพื่อความสะดวกมากขึ้น อาจจะเรียกประกันนัดเจอยังแที่จะนำเข้าไปซ่อม ก็ได้ แต่ถ้าจะให้ดีซ่อมที่อู่กลางจะค่อนข้างได้รับความสะดวก


เมื่อประกันรับทราบเคสแล้ว ก็จะดำเนินการประเมินมูลค่าความเสียหาย หากรถของคุณเข้าข่ายข้อแรก ก็จะได้รับเงินจากประกัน โดยเงินจะถูกโอนไปยังผู้เอาประกัน ซึ่งบางครั้งคือไฟแนนซ์ ตรงนี้ต้องตรวจสอบให้ดี

สำหรับกรณีที่ได้รับความเสียหายบางส่วนนั้น เมื่อประกันภัยรับทราบความเสียหายได้รับใบเคลมเรียบร้อย รถเราก็จะได้รับการซ่อมแซมตามสมควร โดยเราสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ตามสมควร และเมื่อรถซ่อมเสร็จนำกลับมาใช้ หากพบปัญหา อันอาจจะเกิดจากภัยที่ได้รับมานั้น สามารถเจ้งอู่หรือประกันได้ทันที เพื่อเคลมความเสียหายต่อเนื่อง

ทั้งนี้การเคลมประกันในกรณีความเสียหายบางส่วนนั้น หากรถคุณไม่ได้มีอาการหนักมา คุณสามารถไปดำเนินการด้วยตัวเอง แล้วเก็บใบเสร็จรอเคลมกับประกันก็ได้ ซึ่งจะได้รับความสะดวกมากกว่ าแต่เอาเป็นว่าถ้าใครกำลังเป็นกังวลกับรถจมน้ำนั้น ก็ไม่ต้องจิตตกไป เพราะงานนี้ประกันเข้าครอบคลุม และเตรียมความพร้อมไว้แล้ว

แนะการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในช่วงน้ำท่วม

อุทกภัยกับกาย-ใจที่ต้องดูแล

ชาวไทยที่ต้องประสบกับน้ำท่วมทุกหลังคาเรือนต้องพบกับความทุกข์ระทมอย่างแสนสาหัส ทุกข์เฉพาะหน้า คือ ขาดแคลนเรื่องอยู่ เรื่องกิน ต้องรอคอยความช่วยเหลือที่หยิบยื่นให้จากภาครัฐและเพื่อนพ้องชาวไทย
น้ำมาครั้งนี้ ข้าวของเครื่องใช้ ยานพาหนะ ที่ต้องหามาด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน ต้องสูญหายไปกับสายน้ำในทันควันไม่ทันตั้งตัว เป็นการสูญเสียที่ไม่มีใครคาดคิดหรือเตรียมตัวได้ทัน
เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาครั้งหนึ่งก็สร้างความเศร้าโศกให้กับผู้ประสบภัยไม่น้อย ไหนจะเสียบ้าน บางคนก็ต้องเสียของรัก ของสะสมที่หายาก อุปกรณ์เครื่องมือที่ซื้อหามาด้วยเงินทอง ที่บางคนอาจต้องหาเงินเป็นปีกว่าจะซื้อมาได้ เรื่องแบบนี้บางทีอาจรับได้ยากเกินในทันที เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ได้เตรียมใจไว้ตั้งรับ ยังไม่หมดทุกข์เพียงเท่านั้น ยังมีทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจ "สุขภาพจิต" คือ เกิดความวิตกกังวล เกิดความซึมเศร้า เกิดความหวาดผวา ประสาทหลอน มิใช่เฉพาะผู้ใหญ่อย่างเรา ยังกระทบไปถึงเด็กและเยาวชน ที่อาจต้องสูญเสีย พลัดพรากจากผู้ปกครองหรือญาติพี่น้องอย่างไม่คาดฝัน

หลังจากน้ำลดอาจจะมีการเยียวยา โดยเฉพาะในด้านทรัพย์สินหากได้รับเต็มกำลังเรื่องก็จบ แต่การเยียวในเรื่องจิตใจไม่ง่าย และรัฐบาลอาจจะละเลย

ทั้งนี้ นายแพทย์ประเวช ตันติพิวัฒนกุล ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิต สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บอกว่า เหตุการณ์น้ำท่วมอย่างรุนแรงและเป็นบริเวณกว้างนั้น ก่อให้เกิดความเสียหายในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเสียชีวิต เสียทรัพย์สิน ไร่นาเสียหาย สูญเสียแหล่งรายได้ ขาดแหล่งอาหาร เจ็บป่วยและเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บ ถนนหนทางการเดินทางและการติดต่อสื่อสารต่างๆ ขัดข้อง ซึ่งความเสียหายเหล่านี้จะยังคงอยู่ และอาจปรากฏผลชัดเจนขึ้นแม้เมื่อน้ำลดลงแล้ว

สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่กระทบต่อจิตใจ ก่อให้เกิดความเครียดได้มาก โดยแต่ละคน แต่ละครอบครัว ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก จะมีวิธีจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นแตกต่างกัน และปัญหาเพราะสภาพจิตใจของแต่ละคนก็อาจแตกต่างกัน ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาจิตใจได้มาก ได้แก่ ...

ผู้ที่สูญเสียมาก เช่น ญาติเสียชีวิต สูญเสียไร่นา แหล่งรายได้ ขณะที่แหล่งช่วยเหลือน้อย เช่น เครือญาติและชุมชนรอบข้างที่พร้อมให้ความช่วยเหลือมีจำกัด ยังมีปัญหาอื่น ๆ อยู่เดิม เช่น มีโรคประจำตัว พิการ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เจ็บป่วยทางจิตอยู่เดิม

นอกจากนี้ยังอยู่ในชุมชนที่ขาดระบบการจัดการเพื่อช่วยเหลือกันเอง ปัญหาทางจิตใจที่อาจเกิดขึ้นได้ จะเกี่ยวข้องกับความรู้สึกสูญเสียและปัญหาที่เกิดจากสภาพวิถีชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม ก่อให้เกิดความกังวลใจ เศร้าโศกเสียใจ ท้อแท้ เบื่อหน่าย สับสน

รวมทั้งยังมีอาการทางกายของความเครียด เช่น ปวดหัว ปวดท้อง นอนไม่หลับ บางรายอาจพบกับเหตุการณ์ตื่นตกใจและเกิดอาการผวา หากความเครียดเป็นอยู่นานก็จะกระทบต่อสภาพร่างกาย ก่อให้เกิดความเจ็บป่วยได้ง่าย ผู้ที่มีโรคประจำตัวก็อาจมีการกำเริบของโรคขึ้นได้

สำหรับผู้ที่เครียดมากๆ แล้วขาดแหล่งช่วยเหลือ อาจเก็บตัว ไม่พูดคุย ท่าทางเคร่งเครียด ท้อแท้ เศร้าหมอง และในบางรายอาจรู้สึกสิ้นหวังจนถึงกับคิดฆ่าตัวตาย ภาวะซึมเศร้าที่เป็นมากจนความสามารถในการดำเนินชีวิตให้เป็นปกติเสียไป เช่น กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่มีพลังในการทำกิจวัตรประจำวัน

หากเป็นนานต่อเนื่องเกินกว่าสองสัปดาห์ขึ้นไปอาจป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชอย่างหนึ่ง แต่ก็สามารถรักษาให้หายได้ หากพบว่าใครมีความเครียดหรืออารมณ์เศร้าต่อเนื่อง และรบกวนการดำเนินชีวิต ก็ควรได้รับการดูแลทางสุขภาพจิตจากสถานบริการใกล้บ้าน



ทั้งนี้ ช่วงนี้ไปจนถึงหลังน้ำลดจำเป็นจะต้องฟื้นฟูสภาพจิตใจที่สำคัญคือ การใช้พลังชุมชนช่วยเยียวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อของเหตุการณ์ แต่ให้เขาได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาร่วมกันในชุมชน ซึ่งจะช่วยให้เขารู้สึกว่า ชีวิตเขา เขาจัดการแก้ไขได้ด้วยความร่วมแรงร่วมใจกับคนในละแวกบ้านเดียวกัน ในชุมชนเดียวกัน ช่วยให้กลับสู่การดำเนินชีวิตอย่างเป็นปกติอย่างเร็วที่สุด

หรือจะเป็นการช่วยค้นหาผู้มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหา เช่น ผู้มีเหตุสูญเสียรุนแรง ผู้มีแหล่งช่วยเหลือจำกัด ผู้มีปัญหาอื่นๆ อยู่เดิม และในพื้นที่ที่ชุมชนยังอ่อนแอ และเร่งให้ความช่วยเหลือเพื่อนำวิถีการดำเนินชีวิตกลับสู่ภาวะปกติให้เร็วที่สุด หากพบปัญหาเจ็บป่วยทางกายหรือใจก็ให้การดูแลช่วยเหลือ

ส่วนการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจตนเองและคนใกล้ตัว ก็สามารถใช้หลักพื้นฐานของการสร้างเสริมสุขภาพ ได้แก่ รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เลี่ยงสารเสพติด นอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายด้วยวิธีง่ายๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และรู้จักผ่อนคลาย ปล่อยวางให้ได้เท่าที่สภาพสิ่งแวดล้อมจะเอื้อ

พูดคุยกับคนใกล้ตัว ไม่เก็บปัญหาไว้กับตนเอง ปฏิบัติตามหลักคำสอนทางศาสนาของตัวเอง เช่น สวดมนต์ ไหว้พระ ทำสมาธิ มองโลกแง่ดี มีความหวัง และที่สำคัญ กลไกของราชการที่เข้าช่วยเหลือต้องเน้นที่การช่วยเหลือฟื้นฟูชุมชน ให้ชุมชนได้เป็นเจ้าของการแก้ปัญหา แทนการช่วยเหลือแบบสงเคราะห์แต่เพียงอย่างเดียว

ส่วนคนที่ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาทางไหนดี ให้ปรึกษาได้ที่หน่วยบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทุกแห่ง เพราะมีขีดความสามารถในการดูแลปัญหาสุขภาพจิตอยู่แล้ว และหากบุคลากรสาธารณสุขพบว่าปัญหามีความซับซ้อนเกินความสามารถก็จะส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เหมาะสมต่อไป หรือหากต้องการใช้ระบบโทรศัพท์ในการปรึกษาปัญหา ก็สามารถใช้โทร.สายด่วนสุขภาพจิต หมายเลข 1667 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง




แนะการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในช่วงน้ำท่วม

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแนะการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในช่วงน้ำท่วมโดยห้ามใช้ยานพาหนะ เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ในการอพยพหนีน้ำท่วมอย่างเด็ดขาด เพราะความแรงของกระแสน้ำอาจพัดพาหนะจมน้ำ รวมถึงหลีกเลี่ยงการเดินข้ามลำน้ำที่มีระดับน้ำสูงเหนือเข่าและไหลเชี่ยวกราก เพราะอาจถูกน้ำพัดหรือได้รับอันตรายจากท่อนไม้ ก้อนหิน ที่ลอยมาตามน้ำได้ หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำหรือพายเรือเข้าใกล้เสาไฟฟ้า เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าดูด รวมถึงไม่เข้าไปในบริเวณทางน้ำไหลผ่านหรือร่องน้ำ โดยเฉพาะบริเวณที่มีรอยแยกของหน้าดิน เพราะหากมีฝนตกลงมาซ้ำ ดินอาจอุ้มน้ำไว้ไม่ไหวและพังถล่มลงมาได้

อีกทั้งไม่ลงเล่นน้ำหรือจับปลาในบริเวณที่น้ำท่วม เนื่องจากความแรงของกระแสน้ำอาจพัดพาให้จมน้ำเสียชีวิตได้ เพิ่มความระมัดระวังสัตว์มีพิษที่อาจหนีน้ำขึ้นมาอาศัยอยู่ในบ้านเรือน เช่น งู ตะขาบ ควรสวมรองเท้าบู๊ตทุกครั้งที่ต้องเดินลุยน้ำ เพื่อป้องกันการเหยียบเศษวัสดุที่อยู่ใต้น้ำ เช่น เศษแก้ว กระเบื้อง ตะปู

หากต้องเดินลุยน้ำในช่วงกลางคืนควรใช้ไฟฉายและถือไม้นำทางตลอดเวลา เพื่อป้องกันการเดินตกท่อระบายน้ำที่น้ำท่วมจนมองไม่เห็น ในการช่วยเหลือคนตกน้ำให้ใช้ห่วงยาง ลูกมะพร้าว หรือโยนเชือกให้คนที่ตกน้ำยึดตัวเองไว้ จะปลอดภัยมากกว่าการลงไปช่วยด้วยตัวเอง

ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยสามารถขอความช่วยเหลือที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

แ้ก้ปัญหานอนไม่หลับตามอายุ

หากคุณมีอาการนอนไม่หลับอันเนื่องมากจากสาเหตุต่างๆ เช่น ตั้งครรภ์ เข้าสู่วัยทอง เรามีคำแนะนำเพื่อขจัดปัญหาการนอนหลับของคุณดังนี้

หากคุณมีอายุ 20-39 ปี

- สำรวจว่าตัวคุณเป็นไทรอยด์หรือไม่ โดยเฉพาะหากคุณเพิ่งจะคลอดบุตร เพราะมีการค้นพบแล้วว่า หลังคลอดบุตรจะมีโอกาสป่วยเป็นโรคไทรอยด์เพิ่มขึ้น 5-10 % ซึ่งนับเป็นตัวการที่ส่งผลให้คุณนอนไม่หลับ
- บอกลาความเศร้า เพราะอาการซึมเศร้าจะส่งผลเป็นสองเท่าให้คุณนอนไม่หลับ



หากคุณมีอายุ 40-49 ปี

- สังเกตปัสสาวะ หากพบว่าคุณต้องตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะเป็นประจำทุกคืน นั่นอาจจะเป็นสัญญาณเดือนให้ทราบว่าคุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ คุณควรจะไปพบแพทย์ และรักษาให้หาย จะทำให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น
- ออกกำลังกาย การออกกำลังกายจะช่วยให้คุณหลับลึก ส่งผลให้คุณไม่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึก ตัวอย่างการออกกำลังกายของคนวัยนี้คือการเต้นแอโรบิคเป็นเวลา 30 นาทีติดต่อกัน



หากคุณมีอายุ 50 ปีขึ้นไป

- ตรวจสอบยาที่รับประทาน เนื่องจากยาบางชนิดอาจจะส่งผลข้างเคียงที่กระทบกับการนอนหลับของคุณ เช่นยาที่ทำให้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คุณจึงควรปรึกษาแพทย์ถึงแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
- สังเกตอาการของโรค หากคุณเป็นคนที่นอนกรน นั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที

ใบเตย…มีดีที่ไม่ใช่แค่กลิ่นหอม

“กลิ่นใบเตย หอมชื่นใจ” …ก็แหมเวลาเราได้กลิ่นหอม ๆ ของใบเตย หรือ “เตยหอม” ผสมอยู่ในขนมไทยทีไร ก็ชวนให้เราอยากคว้าขนมไทยชิ้นนั้นขึ้นมาหม่ำไปซะที (ปกติก็ชอบหม่ำอยู่แล้ว อิอิ)

สำหรับ “เตยหอม” นั้น ทุกคนน่าจะรู้จักกันดีใช่ไหมล่ะจ๊ะ โดยเฉพาะ “ใบเตย” ที่มักถูกนำมาผสมในอาหาร เพื่อให้อาหารมีกลิ่นหอมน่ารับประทาน แถมยังช่วยแต่งสีเขียวให้กับขนมไทยด้วย ซึ่งคนทั่วไปอาจจะรู้ว่าประโยชน์ของ “เตยหอม” มีเพียงเท่านี้ แต่จริง ๆ แล้ว นอกจาก “เตยหอม” จะมีดีที่ความหอมแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาที่ดีต่อสุขภาพแฝงอยู่ด้วยนะ


โดย “ใบเตยหอม” 100 กรัม จะให้พลังงานถึง 35 กิโลแคลอรี และยังมีคุณค่าทางโภชนาการอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

น้ำ 85.3 กรัม

คาร์โบไฮเดรต 4.6 กรัม

โปรตีน 1.9 กรัม

ไขมัน 0.8 กรัม

กาก 5.2 กรัม

แคลเซียม 124 มิลลิกรัม

ฟอสฟอรัส 27 มิลลิกรัม

เหล็ก 0.1 มิลลิกรัม

เบต้า-แคโรทีน 2.987 ไมโครกรัม

วิตามินบี 2 0.20 มิลลิกรัม

ไนอะซีน 1.2 มิลลิกรัม

วิตามินซี 8 มิลลิกรัม




มาที่สรรพคุณสุดแสนจะน่าอัศจรรย์ของเตยหอมกันบ้าง นอกจากจะนำ “ใบ” มาใช้ผสมอาหาร แต่งกลิ่น ให้สีเขียวแล้ว ผลการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ยังพบว่า “เตยหอม” มีฤทธิ์ทางยาด้วย ดังนี้

ใบ

ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ เพราะใบเตยมีฤทธิ์ลดอัตราการเต้นของหัวใจ จึงช่วยบำรุงหัวใจได้อย่างดี วิธีรับประทานคือ ใช้ใบสดผสมในอาหาร แล้วรับประทาน หรือนำใบสดมาคั้นน้ำรับประทาน ครั้งละ 2-4 ช้อนแกง

ช่วยดับกระหาย เนื่องจากใบเตยมีกลิ่นหอมเย็น หากนำมาผสมน้ำรับประทาน จะช่วยดับกระหาย คลายร้อน ทานแล้วรู้สึกชื่นใจ และชุ่มคอได้เป็นอย่างดี วิธีรับประทานคือ นำใบเตยสดมาล้างให้สะอาด นำมาตำหรือปั่นให้ละเอียด แล้วเติมน้ำเล็กน้อย คั้นเอาแต่น้ำดื่ม

รักษาโรคหัด หรือ โรคผิวหนัง โดยนำใบเตยมาตำแล้วมาพอกบนผิว

รากและลำต้น

ใช้รักษาโรคเบาหวาน เพราะรากและลำต้นของเตยหอมนั้น มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด วิธีรับประทานก็คือ ใช้ราก 1 กำมือนำไปต้มเป็นน้ำดื่ม ทุกเช้า-เย็น

ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ โดยการนำต้นเตยหอม 1 ต้น หรือราก ครึ่งกำมือ ไปต้มกับน้ำดื่ม

นอกจากนี้ เตยหอม ยังช่วยแก้อ่อนเพลีย ดับพิษไข้ และชูกำลังได้อีกด้วย เห็นสรรพคุณมากมายขนาดนี้แล้ว ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ สำหรับเจ้าพืชสีเขียวใบเรียวชนิดนี้