
“แคบหมู”เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวล้านนาไทยประเภทเครื่องเคียง
รับประทานกับน้ำพริกและแกงคั่วต่าง  ๆ ในปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วทุกภาค ที่เห็นกันจนชินตา คือ  นำมารับประทานกับก๋วยเตี๋ยวเรือ ส้มตำ  ท่านผู้อ่านรู้หรือไม่ว่า แคบหมู มีกี่ชนิด  แต่ละชนิดมีปริมาณไขมัน และโซเดียม (เกลือ) ต่างกันอย่างไร  แล้วควรรับประทานมากน้อยแค่ไหนถึงจะไม่อ้วน 
มาฟังคำตอบจาก ดร.ศักดา  พรึงลำภู หัวหน้าศูนย์วิจัยด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพประยุกต์  สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ที่ได้ร่วมกับคณะทำการศึกษาวิเคราะห์  “ปริมาณไขมันรวมและโซเดียมในแคบหมูที่ผลิตในพื้นที่ 8 จังหวัดทางภาคเหนือของไทย”  ประกอบด้วย จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน เชียงราย และแม่ฮ่องสอน  ซึ่งได้มีการนำเสนอผลการศึกษาเรื่องนี้ในการประชุมวิชาการโภชนาการแห่งชาติ ครั้งที่  5 ที่ผ่านมา
ดร.ศักดา อธิบายว่า  แคบหมูที่ทำจากหนังหมูแบ่งได้หลายลักษณะ ได้แก่ แคบหมูไร้มัน ทำจากหนังหมูล้วน ๆ  มีขายทั่วไปในท้องตลาด แคบหมูติดมันบ้างไม่มากนัก  แคบหมูชนิดนี้นิยมรับประทานกันมากและหาซื้อได้โดยทั่วไป โดยเฉพาะแถว เชียงใหม่  ลำพูน ลำปาง เชียงราย แคบหมูติดมันและมีเนื้อปน  ส่วนมากนิยมทำเป็นแผ่นใหญ่และทำในบางจังหวัดเช่น  ตาก น่าน แพร่  แต่ไม่นิยมรับประทานกันมากนักเพราะเก็บไว้ไม่ได้นาน
จากการเก็บตัวอย่าง  “แคบหมูไร้มัน” และ “แคบหมูติดมัน”ที่ผลิตในระดับครัวเรือนและวิสาหกิจ  หรือธุรกิจขนาดย่อม  8 จังหวัด
มาวิเคราะห์ปริมาณไขมันรวม และโซเดียม พบว่า  ปริมาณไขมันรวมใน “แคบหมูติดมัน” มีประมาณ 51.08 กรัมต่อ 1 ขีด  ดังนั้นกินแคบหมูติดมัน 1 ขีดจะได้ไขมันประมาณครึ่งขีด หรือประมาณ 50% ส่วน  “แคบหมูไร้มัน” อ่านตามชื่อไม่น่าจะมีไขมันเลย แต่ความจริงแล้วมีไขมัน 33.78  กรัมต่อ 1 ขีด หรือประมาณ 30%  จะเห็นได้ว่าแคบหมูทั้ง 2  ชนิดมีปริมาณไขมันต่างกันแค่  20% เท่านั้น
แต่พอมีการสื่อสารออกไปว่า  “แคบหมูไร้มัน” แทนที่ผู้บริโภคจะซื้อถุงเดียวก็อาจจะซื้อ 2 ถุง ถ้ารับประทานทั้ง 2  ถุง ก็ได้ไขมันมากกว่า “แคบหมูติดมัน” 1 ถุง เพราะกินด้วยความสบายใจว่า  “แคบหมูไร้มัน” ไม่มีไขมัน
ส่วนปริมาณโซเดียมในแคบหมูทั้ง 2 ชนิด  จากการศึกษา
พบว่า “แคบหมูติดมัน” มีปริมาณโซเดียม  927.47 มิลลิกรัมต่อ 1  ขีด  ส่วน “แคบหมูไร้มัน” มีโซเดียม 1,213.9 มิลลิกรัมต่อ 1 ขีด สาเหตุที่  “แคบหมูไร้มัน” มีโซเดียมมากกว่า “แคบหมูติดมัน”  คงเป็นเพราะเมื่อเอาไขมันออก   ความอร่อยจะลดลง เพราะความมันทำให้เกิดความอร่อย ด้วยเหตุนี้ในการผลิต  ชาวบ้านจะเติมเกลือลงไปอีกนิดหน่อยเพื่อให้รสชาติดีขึ้น
ดร.ศักดา   กล่าวว่า ปริมาณไขมันและโซเดียมที่ควรได้รับต่อวัน  ขึ้นอยู่กับเพศและอายุ
 โดยปริมาณไขมันที่ผู้ใหญ่ควรได้รับต่อวันอยู่ระหว่าง  50-70 กรัม คือ รับประทานแคบหมูติดมัน  1 ขีดก็จะได้ไขมันเพียงพอกับความต้องการแล้ว  ถ้ากินมากก็ยิ่งอ้วน ส่วนปริมาณโซเดียมที่ควรได้รับต่อวันอยู่ระหว่าง  400-1,200  มิลลิกรัม ดังนั้นรับประทานแคบหมูไม่ว่าชนิดใด  1 ขีดก็ถือว่าเพียงพอแล้ว  โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ไม่ควรรับประทานมาก
การรับประทานแคบหมูแค่ 1 ขีด ได้ทั้งไขมันและโซเดียมเพียงพอแล้ว  ที่พูดเรื่องนี้ไม่ได้ห้ามกินนะ แต่อยาก  ให้กินอย่างมีสติ
กินอย่างมีศิลปะ  และระวัง มิฉะนั้นความอร่อยจะมาพร้อมกับน้ำหนัก เพราะแคบหมูไร้มัน ไขมันไม่ได้ 0%  อย่างที่คิด ยังมีไขมันอยู่ถึง 30% ดังนั้นควรเดินทางสายกลางในการรับประทานแคบหมู  เช่น ในมื้อที่มีแคบหมู  ควรรับประทานผักสดเป็นกับแกล้มด้วย เช่น แตงกวา ผักกาดแก้ว  หรืออาจจะเป็นผักพื้นบ้านในแต่ละพื้นที่ที่หาได้ง่าย  ขณะเดียวกันควรมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย
ที่ทำการศึกษาเรื่องนี้เพราะอยากรู้ว่าแคบ  หมูที่ชาวบ้านทำเป็นอย่างไร  พอทำเสร็จก็นำผลการศึกษากลับไปสู่ชุมชน  โดยเอาไปเล่าให้ชาวบ้านฟังว่าแคบหมูเป็นอย่างนี้นะ เพราะสถานการณ์ในชุมชนขณะนี้  ชาวบ้านเป็นโรคความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูงเยอะขึ้น เราก็เข้าใจการค้าขาย                                      
แต่การค้าขายก็ต้องคำนึงถึงเรื่องสุขภาพด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็มีทางออกไปแนะนำ   ส่วนจะมีการปรับปรุงหรือไม่ขึ้นอยู่กับชาวบ้าน  คือ ตรงนี้เป็นวัฒนธรรมชุมชน  เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน เราเข้าไปเพียงแต่บอกว่า  ทำอย่างไรให้แคบหมูไขมันน้อยลงและโซเดียมน้อยลง  อย่างแคบหมูติดมันแทนที่จะทอดก็เอาไปอบ คือ อาจจะต้องลงทุนเครื่องอบ  แต่ลดต้นทุนค่าน้ำมันที่ทอด และลดปัญหาการใช้น้ำมันทอดซ้ำลงด้วย ส่วนรสเค็ม  ก็ต้องปรับลดปริมาณโซเดียมลง วิธีการคือ จะต้องค่อย ๆ ปรับลดปริมาณลง  เพราะถ้าปรับลดลงทันที คนอาจจะไม่กินเพราะรสชาติไม่อร่อย 
สรุปผลจากการศึกษาครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการใช้เป็นข้อมูลเพื่อเลือกรับประทานแคบหมูให้เหมาะสมกับสุขภาพ  ขณะเดียวกันยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตในการพัฒนาผลิตภัณฑ์แคบหมูให้เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ  เช่น แคบหมูอนามัย ที่มีปริมาณไขมันและโซเดียมต่ำ  รวมถึงผลิตภัณฑ์เลียนแบบแคบหมู  ที่ไม่ได้ทำจากหนังหมู มีไขมันและโซเดียมต่ำด้วย
ท้ายนี้คงต้องถามท่านผู้อ่านว่า วันนี้กินแคบหมูเกิน 1 ขีดแล้วหรือยัง?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น