วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

10 อันดับประเทศน่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2011 (ตอนที่ 1)

“โลนลี แพลนเน็ต” เผย 10 อันดับประเทศน่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2011 ซึ่งพิจารณาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว และนายโทนี่ วีลเลอร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง “โลนลี แพลนเน็ต”

อันดับที่ 1. สาธารณรัฐแอลเบเนีย


แอลเบเนีย ตั้งอยู่ในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ทางทิศตะวันตกของคาบสมุทรบอลข่าน ทิศเหนือและทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดเซอร์เบียและมอนเตเนโกร ทิศตะวันออกติดมาซิโดเนีย ทิศใต้และทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกรีซ ทิศตะวันตกติดทะเลเอเดรียติกและทะเลไอโอเนียน มีเมืองหลวงชื่อ “กรุงติรานา”

เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ดินแดนที่ตั้งอยู่ในแถบคาบสมุทรบอลข่านถือเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวสำหรับคนใจกล้า และมีเพียงสุดยอดผู้กล้าเท่านั้นที่อาจหาญเดินทางไปเยือนประเทศแอลเบเนีย

แต่หลังจากมีนักท่องเที่ยวกลุ่มแบคแพคเกอร์เดินทางไปเยือนประเทศแอลเบเนีย ก็เริ่มมีเสียงร่ำลือกันแบบปากต่อปากถึงหาดทรายที่สวยงาม อาหารแสนโอชะ โบราณสถาน แหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืน การท่องเที่ยวผจญภัยในราคาสบายกระเป๋า แถมยังเดินทางท่องเที่ยวแบบ “ไปตายเอาดาบหน้า” โดยที่ไม่มีการวางแผนหรือจองที่พักเอาไว้ล่วงหน้าได้อย่างสบายใจ เพราะชาวแอลเบเนียมีความเป็นมิตร และคิดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นของแปลกใหม่ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนแอลเบเนียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ปัจจุบัน การท่องเที่ยวแอลเบเนียได้ประกาศแคมแปญ ‘A New Mediterranean Love’ โดยชูมรดกโลก ธรรมชาติที่สวยงาม ความเป็นมิตรของผู้คน วิถีชีวิตในเมืองใหญ่ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจเป็นจุดขาย ส่งผลให้เป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในวงกว้าง

อันดับที่ 2 สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล


บราซิล ตั้งอยู่ทางตะวันออกของทวีปอเมริกาใต้ โดยมีอาณาเขตติดกับทุกประเทศในทวีปอเมริกาใต้ยกเว้นชิลีและเอกวาดอร์ มีขนาดใหญ่สุดในลาตินอเมริกาและใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก เมืองหลวงชื่อ “กรุงบราซิเลีย”

บราซิลมีชื่อเสียงในเรื่อง การเต้นแซมบ้า สโมสรฟุตบอล โลเกชั่นถ่ายทำภาพยนตร์ เทศกาลคาร์นิวาล และงานปาร์ตี้ฉลองปีใหม่สุดยิ่งใหญ่ แต่ชาวบราซิลยังมีเรื่องน่าดีใจให้เฉลิมฉลองเพิ่มมากขึ้น หลังได้รับเลือกให้เป็นทั้งเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟีฟ่าเวิลด์คัพในปี ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) และกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ในปี ค.ศ. 2016(พ.ศ. 2559)


ปัจจุบัน บราซิลมีแผนปรับปรุงประเทศครั้งใหญ่ เพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาระดับโลกทั้ง 2 รายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งยังเตรียมเพิ่มจำนวนห้องพักโรงแรมไว้รองรับนักท่องเที่ยวและแฟนกีฬาทั่วโลกอีกหลายพันห้อง

ที่สำคัญ สายการบินโลว์คอสต์ในประเทศบราซิล ต่างพากันงัดกลยุทธ์เด็ดออกมาแข่งขันกันอย่างดุเดือด จึงทำให้การเดินทางท่องเที่ยวทางอากาศในประเทศบราซิล มีราคาไม่สูงจนเกินเอื้อม

อันดับที่ 3 สาธารณรัฐเคปเวิร์ด


เคปเวิร์ด เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแอตแลนติก (นอกชายฝั่งตะวันตกของแอฟริกา) อยู่ห่างจากสาธารณรัฐเซเนกัลทางทิศตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 500 กิโลเมตร ประกอบด้วย เกาะใหญ่ 10 เกาะ และเกาะเล็ก 5 เกาะ เมืองหลวงชื่อ “กรุงไปรอา”

ที่ผ่านมา เคปเวิร์ดไม่ค่อยเป็นที่รู้จักหรือคุ้นหูในหมู่นักท่องเที่ยวมากนัก แต่ระยะหลังๆ ประเทศหมู่เกาะแห่งนี้เริ่มได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวฝั่งยุโรปมากขึ้น จนชาวเคปเวิร์ดเองก็ยังนึกแปลกใจว่าประเทศของตนมีดีอะไร นักท่องเที่ยวจึงพากันดั้นด้นเดินทางไปเยือนมากขึ้นเรื่อยๆ

คำตอบก็คือ…ประเทศนี้มีภูเขาสูงชันสีเขียวที่สวยงามแปลกตา, ยอดภูเขาไฟสูงเทียมเมฆ, กีฬาทางน้ำระดับเวิลด์คลาส, เทศกาลสุดเร้าใจ ฯลฯ แต่สิ่งที่โดนใจนักท่องเที่ยวชาวยุโรปเป็นพิเศษก็คือ มี “แสงแดด” ตลอดทั้งปี และมีหาดทรายอ่อนนุ่ม จึงเหมาะสำหรับเดินทางไปเที่ยว “หนีหนาว” ด้วยเหตุนี้ การท่องเที่ยวเคปเวิร์ดจึงโปรโมทประเทศของตนว่าเป็น “หมู่เกาะคานารีแห่งใหม่” เทียบชั้น “หมู่เกาะคานารี” ของประเทศสเปนเลยทีเดียว

อันดับที่ 4 สาธารณรัฐปานามา


ปานามา ตั้งอยู่ในส่วนที่แคบที่สุดของอเมริกากลาง ทิศเหนือติดมหาสมุทรแปซิฟิก ทิศใต้ติดทะเลแคริบเบียน ทิศตะวันตกติดคอสตาริกา ส่วนทิศตะวันออกติดโคลอมเบีย มีเมืองหลวงชื่อ ปานามาซิตี้

ปานามา เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเร็วสุดในแถบลาตินอเมริกา ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของปานามาเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลประกาศลดราคาและภาษีให้ผู้มาเยือน ตลอดจนผู้เกษียณอายุชาวต่างชาติ

นอกจากนี้ ปานามายังมีจุดขายหลายอย่างโดนใจนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลต่างๆ กิจกรรมเดินป่า อีโคทัวร์ โบราณสถาน กระท่อมพื้นทรายที่กูนายาลา และเนื่องจากพื้นที่หลายแห่งในปานามายังคงเป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่ไม่ได้รับการพัฒนา บางเส้นทางจึงต้องเดินทางท่องเที่ยวทางเรือ หรือไม่ก็รถบัสเป็นระยะทางไกลๆ

และในปีหน้าเมืองใหญ่อย่าง “ปานามาซิตี้” จะได้ชื่อว่าเป็นเมืองสีเขียว เพราะเป็นที่ตั้งของ “ไบโอ มิวเซียม” ที่แสดงถึงความหลากหลายทางชีวภาพของปานามา ทั้งยังมีสวนและสนามหญ้าริมถนนเลียบชายฝั่ง “ซินตา คอสเตรา” ที่ทอดตัวเป็นแนวยาวไปจนถึง “กัสโกเวียโฮ” อีกด้วย

ปานามา ยังเป็นที่ตั้งของป่าดิบชื้น (นอกป่า่ลุ่มน้ำอะเมซอน) ขนาดใหญ่สุดในซีกโลกตะวันตก ซึ่งมีพืชพรรณ สัตว์ป่า และนกอุดมสมบุรณ์ แถมพืชและสัตว์บางชนิดยังหาดูที่อื่นไม่ได้ เพราะมีถิ่นอาศัยอยู่ในปานามาเท่านั้น

แม้ว่า “กบพิษสีทอง” ความยาว 1 นิ้วที่มีถิ่นอาศัยในป่าของประเทศปานามา จะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อราจนจำนวนลดลงอย่างฮวบฮาบ แต่ “ดาเรียง แก๊ป (Darién Gap)” ซึ่งเป็นป่ารกชัฏและพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่กั้นกลางระหว่างจังหวัดดาเรียงของปานามา (อเมริกากลาง) และประเทศโคลอมเบีย (อเมริกาใต้) ยังคงเป็นผืนป่าอุดมสมบูรณ์ ที่ไม่เคยได้รับการพัฒนาและไม่มีการตัดถนนผ่านเหมือนเช่นเคย

ความจริงแล้ว “ดาเรียง แก๊ป” เปรียบเสมือนประตูเชื่อมต่อระหว่างอเมริกาเหนือ กลาง และใต้เข้าด้วยกัน แต่ปัจจุบัน ทางการปานามาก็ยังไม่คิดที่จะตัดถนนในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลและสภาพภูมิประเทศไม่เอื้ออำนวย จึงทำให้ถนนสายแพน-แปซิฟิกที่ตัดผ่านอเมริกาเหนือ กลาง และใต้ ขาดตอนเป็นระยะทาง 87 ก.ม. แต่ยังคงเดินทางต่อได้โดยใช้รถจักรยานเสือภูเขา มอเตอร์ไซค์วิบาก หรือไม่ก็เดินเท้า ซึ่งจะต้องลุยป่า ลุยน้ำ และเส้นทางสูงชัน แถมยังมีแมลง และสัตว์เลี้อยคลานชุกชุม

นอกจาก “ดาเรียง แก๊ป” ที่เป็นป่ารกชัฏแล้ว ปานามายังมีเกาะรกร้างที่ไม่เคยได้รับการพัฒนา ไม่มีการตั้งชื่อ หรือไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ เป็นจำนวนหลายเกาะด้วยกั

อันดับที่ 5 สาธารณรัฐบัลแกเรีย


บัลแกเรีย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของคาบสมุทรบอลข่าน ทิศเหนือติดโรมาเนีย ทิศตะวันออกติดทะเลดำ ทิศตะวันตกติดเซอร์เบีย มอนเตเนโก และมาซิโดเนีย ทิศใต้ติดกรีซและตุรกี มีเมืองหลวงชื่อ กรุงโซเฟีย

ประเทศบัลแกเรีย มีจุดขายหลายอย่างที่โดนใจนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่สุดในประเทศอย่าง “โซเฟีย”, ยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ, สุดยอดลานสกีที่คุ้มค่าคุ้มราคาสุดๆ, หาดทรายสีทอง และเมืองท่าโบราณริมทะเลดำ

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บัลแกเรีย ถูกบดบังรัศมีโดยประเทศเพื่อนบ้านที่ล้วนแล้วแต่มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจ และมีชื่อเสียงมากกว่าอย่าง ตุรกี กรีซ และ โรมาเนีย แต่หลังจากรัฐบาลชุดปัจจุบันประสบความสำเร็จในการนำบัลแกเรียเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

ทุกวันนี้ บัลแกเรีย ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในแถบยุโรปมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ลานสกี” ที่เป็นจุดหมายปลายทางสุดฮอตของนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่ต้องการท่องเที่ยวแบบถูกใจสบายกระเป๋า แต่ถ้าใครชอบเที่ยวทะเล ที่นี่ก็มีชายหาดริมทะเลดำให้นอนอาบแดด หรือถ้าชอบจิบไวน์ บัลแกเรียก็มีไวน์รสชาติเยี่ยม (ที่ผลิตขึ้นเองในประเทศ) ให้ลิ้มลองเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น